#การภาวนาธรรมกรรมฐานคือตัวใครตัวมันช่วยกันไม่ได้สอนแล้วก็จบ

เริ่มโดย kai, ส.ค 05, 2023, 06:42 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

kai

#การภาวนาธรรมกรรมฐานคือตัวใครตัวมันช่วยกันไม่ได้สอนแล้วก็จบ
===========================================
ความเป็นจริงคนในยุคปัจจุบัน 2565 นี้ไม่ใคร่ไปทางภาวนาจริง ๆ ดังนั้นหลายสิบปีมานี้ ธัมมะวังโส ยังไม่ใคร่เห็นผู้ที่เจริญรอยตามพระกรรมฐานอย่างจริงจัง ถึงแม้ว่า ธัมมะวังโส จะไม่ยิ่งหย่อนในการภาวนาไม่ว่าจะเจ็บจะป่วยอย่างไร การเข้ากรรมฐานก็ไม่ขาดสักวัน อย่างน้อยไม่ทำก็ 6 ชม ( น้อยมาก ) ส่วนใหญ่จะเข้ากรรมฐาน เฉลี่ย 8 - 12 ชม ทุกวัน

คนในสมัยปัจจุบันยุ่งกับการหาเงิน เที่ยว และ ชื่อเสียง ไม่ค่อยปล่อยวางเรื่องเหล่านี้ลง บางท่านมีความสุขอยู่ก็ไม่สามารถที่จะละจากความสุขตรงนั้นไปได้ ก็เพราะว่าความรักมันมีเต็มเปี่ยมยินยอมที่จะอยู่ในสังสารวัฏ ไม่ว่าจะรักเธอ หรือ รักฉัน รักลูก รักเมีย รักผัว รักเพื่อน รักประเทศ รักคนสำคัญ เพราะคำว่ารักเหล่านี้ คนปัจจุบันจึงไม่หยุดอยู่กับการรักใครสักคนตลอดชีวิต ดังนั้น เพราะตัณหา(รัก) จึงมีคู่เปลี่ยนคู่กันเป็นว่าเล่น ไม่ใช่แต่ ผช แม้ ผญ เอง มีคู่เปลี่ยนคู่ ทั้งคบชู้สู่ชาย ในสังคมทุกวันนี้เห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว และ ผช ผญ เหล่านั้นก็มิได้สำนึกว่าการกระทำเยี่ยงนี้เป็นความผิด แต่หากแต่ว่าใจคิดมีความสุข จึงเลือกที่จะทำให้ใจมีความสุข
สังคมเมืองไทย เท่าที่มองเห็น ผญ หลอก ผช ให้รัก ค่อนข้างจะมีมากว่า ผช หลอกให้ ผญ รัก ความรักเกิดแต่ตัณหา ทั้งในทรัพย์ และชื่อเสียง สนองความต้องการ ตราบใดที่ ตัณหาครองใจ คนทั้งหลายเหล่านี้ จะไม่สนใจเรื่องการภาวนาแน่นอน นั่นคือเหตุผลที่แท้จริงว่า ทำไมคนที่่จะภาวนาหาแทบไม่ได้ หรือหาไม่เจอเลย
ไปพักอยู่หลายวัด พ่อขาวแม่ขาว 99 เปอร์เซ็นต์ยังเลือกที่จะทำบารมีอยู่ไม่ได้เลือกที่จะทำเดินตามพระสุคต คือ มรรค ผล นิพพานในพระพุทธเจ้าองค์นี้ ดังนั้นพ่อขาวแม่ขาวเหล่านั้นที่ พอจ พบจึงง่วนอยู่แต่เรื่องศีล เรื่องธรรม ไม่ได้ยอมเสียเวลากับเรื่อง มรรคสมังคี ( การรวมมรรค )กันเลย

พระก็เหมือนกันทุกวันนี้ มุ่งแต่เรื่องสร้าง เรือ่งหาเงิน เรือ่งเกรียติยศ แสวงหาแต่ลาภสักการะ ไม่ได้คิดถึงวิถีธรรมการบวชสักเท่าไหร่ สำนักที่สอนธรรมก็มุ่งแต่หาลูกศิษย์มิได้มุ่งสอนธรรมจริง ๆ ดังนั้น ธัมมะวังโส ท่องเที่ยวไปตามสำนักต่าง ๆ อยู่หลายปี จึงไม่พบ อุบาสก อุบาสิกา ภิกษุ  ผู้ปรารถนในนิพพานชาตินี้ แต่อย่างไรก็ยังพบผู้ที่กระทำบารมี เพื่อ มรรค ผล นิพพาน อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้จริงจังในเส้นทางภาวนาเท่านั้น คำสนทนา หนักไปทางสร้างวัด สร้างโน่น สร้างนี่ หลายท่านที่พบเป็นบัณฑิต อธิบาย สติปัฏฐาน 4 ได้เป็นคุ้งเป็นแคว แต่ไม่สามารถเจริญสติ ตามสติปัฏฐาน 4 ได้เลย
เจ็บก็ยังบ่น จนก็รับไม่ได้ วัดไม่มีคนก็พยายามหาคนไม่ให้วัดร้าง นั่นคือเรื่องของพระ กิจกรรมใด ๆ ที่ทำแล้วไม่ได้เงินสักการะกลับมาก็ไม่ทำ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องการเผยแผ่ที่เหมาะสม

ทุกวันนี้ ธัมมะวังโส มีสภาพร่างกายไม่สามารถกระทำกิจได้อย่างเมือก่อนเพราะเป็นอัมพฤต ซีกซ้ายไม่ทำงาน เหลือข้างเดียวคือด้านขวา ดังนั้นการเดินเหิน การทำงานที่ต้องใช้ทักษะสองด้านจึงทำไม่ได้แต่เมื่อก่อน แค่ยกมือทุกวันนี้ก็ไหว้ข้างเดียวแล้ว กราบก็ล้ม คุกเข่าก็ไม่ได้ เพราะสภาพร่างกายไม่อำนวยแบบเมือ่ก่อนแล้วก็เป็นไปตามสภาพร่างกาย
ถามว่ารู้สาเหตุไหม ก็รู้ว่าจากอาหารการฉันที่ไม่อัตคัตมาตั้งแต่ปี 2551 - 2562 การฉันอาหาร ฉันตามธรรม มีอย่างไรก็ฉันอย่างนั้น อาหารไม่มีคุณภาพ เป็นอาหารแห้ง หรือ ไม่มีสารอะไรนอกจากความอิ่มนั่นจึงทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร ไป รพ แต่ละครั้งหมอต้องให้ยาเติม เช่น สารกากอาหาร หรือ ยาบำรุงเลือด แต่รับมาแล้วก็ไม่ค่อยฉัน เพราะไม่ชอบการฉันยา ได้แต่ใช้กรรมฐานประคอง ตามการรักษาของหมอสุดท้ายหยุดใช้กรรมฐาน ประคอง ลองใช้ยาหมอนั่นจึงทำให้เป็น อัมพฤต ในปี 2562 จนถึงปัจจุบัน 3 ปีเข้าไปแล้ว อาการชาเจ็บด้านซ้ายมีตลอดเวลา อาการขยับเขยื้อนไม่ได้ก็มีตลอดเวลา ดังนั้นทุกวันนี้สิ่งที่ทำได้ ยังเป็นการนั่งเข้าธรรมกรรมฐาน ดังนั้นชีวิต ธัมมะวังโส จึงไม่สามารถที่จะหยุดทำกรรมฐานตราบใดที่ยังหายใจได้อยู่ ก็คงจะต้องทำต่อไป แม้ว่าจะได้ผลการภาวนาแล้วก็ตามแต่ อย่างไรลมหายใจที่เหลือ กายสังขารที่ยังไปได้ในการภาวนา ก็คงต้องภาวนาต่อไป
ทุกวันนี้จะมีคนทำตาม หรือไม่ได้ทำตาม ก็ไม่ได้ใส่ใจเป็นสาระมากนักเพราะเข้าใจคนในยุคนี้ อาจจะต้องทำบารมีต่อไป แต่ถ้าคนไหนยังจะไปให้ได้ ก็จะช่วยส่งเสริมความรู้ทางธรรมกรรมฐานให้
คงจะไปใส่ใจคนที่ไม่สนใจไม่ได้แบบเมื่อก่อน

ดังนั้นใครใคร่ศึกษาธรรมกรรมฐาน ธัมมะวังโส ก็ยังสนองสัจจะวาจาของท่านกันต่อไปอยู่
ส่วนคนที่ไม่เอาทางธรรมกรรมฐานก็ค่อย ๆ ว่ากันไปในเรื่องสร้างบารมีก็ขอชื่นชมที่ยังสร้างบารมีทางธรรมกรรมฐาน
ส่วนคนที่ไม่เอาเลยแน่นอนต้องวางอุเบกขา จะให้ไปหนักใจด้วยไม่ได้ก็ต้องว่าไปตามที่พระพุทธเจ้าสอนว่า สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม นั่นเอง

เจริญธรรม / เจริญพร