วิธีการดู พระอริยะว่าเป็นพระอรหันต์นั้น มีวิธีการหรือไม่

เริ่มโดย kai, ก.ย 06, 2024, 06:59 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

kai

ถาม วิธีการดู พระอริยะว่าเป็นพระอรหันต์นั้น
มีวิธีการหรือไม่ครับ ในพระไตรปิฏก มีกล่าวไว้ไหมครับ
จริงหรือไม่ครับ ที่พระอรหันต์กับพระอรหันต์
ไม่รู้ว่าใครเป็นหรือไม่เป็น เช่นมีคนกล่าวยก
พระสารีบุตร ไม่รู้ว่า พระปุณณมันตานีเป็นพระอรหันต์ ใช่หรือไม่ครับ


ตอบ เป็นประเด็นอะไรถึงอยากรู้เรื่องพวกนี้ บอกไปแล้วจะทำได้หรือป่าว
แบ่งปัญหา เป็น 2 คำถาม


1. พระไตรปิฏก มีกล่าวถึงการสอนดู พระอรหันต์ หรือไม่ ?
ตอบว่า มี พระไตรปิฏกกล่าวไว้ อย่างชัดเจน เพราะในสมัยครั้งพุทธกาล ก็มีบุคคลหลงว่าตนเอง เป็นพระอรหันต์ ก็มีมากดังนั้น พระพุทธเจ้า จึงทรงตรัสสอนวิธีการตรวจสอบ พระอรหันต์ ไว้สองแบบ โดยแบบที่หนึ่งเอาไว้ตรวจสอบ พระอริยะทุกระดับที่ด้วยการสอบถาม เรียกว่า กระจกส่องธรรม หรือ โวหาร 4
ส่วนวิธีที่สองนั้น จำเป็นต้องญาณอริยะ คือ ต้องมีทิพยจักษุ ซึ่งพระอรหันต์ไม่ได้มีทุกรูป ทุกองค์ เพราะ วิชชา 3 อภิญญา 6 มีไม่มาก การใช้ ทิพยจักษุก็ตรวจ ลัญจกร ของ พระอริยะได้ ซึ่งมีตรัสสอนไว้ พระไตรปิฏกพุทธวงศ์ ว่าด้วยเรื่อง ลัญจกร 6 อย่าง

แต่การตรวจด้วยวิธี นี้ ต้องใช้ พระอริยะที่มีความสามารถทางทิพยจักษุ เท่านั้น มีการใช้วิธีการนี้เพียงครั้งเดียว ในตอนสังคายนา พระไตรปิฏก รับรอง พระอานนท์ ว่าเป็น พระอรหันต์ จะเห็นได้ว่า พระอานนท์ ท่านสำเร็จธรรม บรรลุเป็น พระอรหันต์ แต่ก็ไม่รู้วาจะทำอย่างไร ให้กับ คณะสงฆ์ ทำสังคายนา ทราบว่าตนบรรลุแล้ว ท่านคิดไม่ออกก็เลยใช้ ฤทธิ ดำดินไปโผล่ ท่ามกลางสงฆ์ แต่วิธีการดำดินไปโผล่ท่ามกลางสงฆ์ ไม่สามารถยืนยันได้ว่า ท่านเป็นพระอรหันต์ พระเทวฑัตร ก็เหาะได้ หายตัวได้ ดำดินได้เหมือนกัน

ดังนั้น พระมหากัสสปะ ซึ่งเป็นประธานสงฆ์ขณะนั้น มอบให้ พระกัจจายนะ เป็นประธานเชิญ พระอรหันต์ ที่มี ทิพยจักษุ 7 รูป เข้ามาตรวจลัญจกร มี พระอนุรุธะ ที่เป็นเอตทัคคะเป็นประธาน

ในครั้งนั้น ก็เห็น ลัญจกร ทุกองค์ ก็สรุปว่า เป็นพระอรหันต์ นี่เป็นอย่างนี้ไม่ใช่ดำดินไปโผล่ ตรงที่นั้นแล้วเป็นพระอรหันต์

2. พระสารีบุตรไม่ทราบ ว่า พระปุณณมันตานี เป็นพระอรหันต์ เพราะ พระอรหันต์ ด้วยกันก็ยังไม่รู้
อ่านข้อที่ 1 แล้ว ก็พอเดาคำตอบได้ ว่า พระสารีบุตร ไม่ได้เลิศด้วยทิพยจักษุ จึงไม่สามารถเห็นก็ถูกต้อง แต่อย่างไร หากพระสารีบุตรได้สนทนากับ พระปุณณมันตานี ก็ทราบเองได้ เพราะการสนทนาก็จะไปสู่โวหาร 4 ที่พระอรหันต์ กับ พระอรหันต์หลอกกันไม่ได้

ดังนั้นพระสารีบุตรจึงจำแนกแยก จริตลูกศิษย์ไม่ได้ ก็มีหลายครั้ง เช่น แจกกรรมฐานให้กับ พระสัทธิวิหาริกผิด เข้าใจว่าเป็น ราคะจริต สอน กายคตาสติ กับ อสุภะไป จนพระสัทธิวิหาริก หน่ายต่อกรรมฐาน จะลาสิกขาบถ แต่เพราะท่านมีปัญญามาก ท่านจึงใคร่ครวญและส่ง สัทธิวิหาริกไปเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้า จะถามว่า เรื่อง ฤทธิ์ทางใจของพระสารีบุตรมีไหม ทิพยจักษุมีไหม ก็ตอบว่า มีแต่ไม่ได้มีมากถึงขั้นสูงสุด เพราะถ้ามีสูงสุด ก็ไม่มีเอตทัคคะ สิ ดังนั้น พระอรหันต์ กับ พระอรหันต์ ด้วยกันจะรู้ไหมว่าใครเป็นพระอรหันต์ ก็ต้องรู้ จาก โวหาร 4 คือได้ฟังการแสดงธรรม และ สนทนาธรรมกัน อันนี้จะรู้ได้เร็วมาก ส่วนเรื่องการตรวจลัญจกร ต้อง ทิพยจักษุ จึงจะมองเห็นได้

แต่เอาง่าย ๆ ไม่ต้องถาม ไม่ต้องมีทิพยจักษุ เอาแค่ติดตามคนที่บอกว่าเป็น ถ้าภายในสองปีไม่เข้า ผลสมาบัติ เลย ก็ฟันธงได้ทันทีว่า ไม่ได้เป็น พระอริยะ เพราะ พระอริยะทุกระดับไม่ขาดการเข้าผลสมาบัติ ภายในสองปี ไม่ว่าจะเป็น ฆราวาส หรือพระภิกษุ ต้องเข้าผลสมาบัติ อย่างน้อยหนึ่งครั้งภายในสองปี การเข้าหนึ่งครั้ง ก็เหมือนเข้าสมาธิ ใช้เวลาขั้นต่ำ 24 ชม แต่เอาเข้าจริงก็ประมาณ 30 ชม สำหรับ พระโสดาบัน ถ้าพระอรหันต์ พระอนาคามี ก็นานกว่า เพราะว่าอาจจะเข้าเป็น นิโรธสมาบัติ หรือ พระอรหันต์ ท่านเข้าเป็น สัญญาเวทยิตนิโรธ การเข้าผลสมาบัติเป็นไปโดยธรรมชาต ของ พระอริยะบุคคลทุกระดับ ไม่เว้นว่าเป็นฆราวาส หรือ พระ ทำเหมือนกันหมด

เจริญธรรม / เจริญพร
16 ตุลาคม 2564