ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง

เริ่มโดย kai, ส.ค 05, 2024, 06:04 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

kai

สาระธรรมวันนี้ "ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง"

พระวินัยปิฎก  มหาวรรค  [๑.มหาขันธกะ]
  ๗.ปัพพัชชากถา

เล่มที่ 4 หน้า 31



            เรื่องยสกุลบุตร
            [๒๕]    สมัยนั้น    ในกรุงพาราณสี    มีกุลบุตรชื่อยสะเป็นลูกเศรษฐีเป็นผู้สุขุมาลชาติ  ยสกุลบุตรนั้นมีปราสาท    ๓    หลัง    คือ    หลังหนึ่งสำหรับฤดูหนาวหลังหนึ่งสำหรับฤดูร้อน    หลังหนึ่งสำหรับฤดูฝน    ยสกุลบุตรได้รับการบำเรอด้วยดนตรี    ไม่มีบุรุษเจือปน    ตลอด    ๔    เดือน    อยู่บนปราสาทฤดูฝน    ไม่ลงมายังปราสาทชั้นล่าง    คืนวันหนึ่ง    เมื่อยสกุลบุตรได้รับการบำเรออิ่มเอมเพียบพร้อมด้วยกามคุณ๕    ได้หลับไปก่อน    ฝ่ายบริวารชนได้หลับภายหลัง    ตะเกียงน้ำมันถูกจุดสว่างทั้งคืนคืนนั้นยสกุลบุตรตื่นขึ้นก่อน    เห็นบริวารชนของตนกำลังหลับ    บางนางมีพิณอยู่ใกล้รักแร้    บางนางมีตะโพนอยู่ข้างคอ    บางนางมีโปงมางอยู่ที่อก    บางนางสยายผมบางนางน้ำลายไหล    บางนางละเมอเพ้อไปต่าง  ๆ    ปรากฏดุจป่าช้าผีดิบ    เพราะได้เห็นโทษจึงปรากฏแก่ยสกุลบุตร    จิตตั้งอยู่ในความเบื่อหน่าย    ยสกุลบุตรจึงเปล่งอุทานขึ้นในขณะนั้นว่า    "ท่านผู้เจริญ    ที่นี่วุ่นวายหนอ    ท่านผู้เจริญ    ที่นี่ขัดข้องหนอ"

ครั้งนั้น    ยสกุลบุตรจึงสวมรองเท้าทองเดินตรงไปยังประตูนิเวศน์    พวกอมนุษย์เปิดประตูให้ด้วยคิดว่า    "ใคร  ๆ    อย่าได้ทำอันตรายต่อการออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตของยสกุลบุตร"

            ลำดับนั้น ยสกุลบุตรได้เดินต่อไปยังประตูเมือง  พวกอมนุษย์ก็เปิดประตูให้ด้วยคิดว่า    "ใคร  ๆ    อย่าได้ทำอันตรายต่อการออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตของยสกุลบุตร"  หลังจากนั้น  ยสกุลบุตรจึงเดินต่อไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน

          [๒๖]    ครั้นราตรีย่ำรุ่ง    พระผู้มีพระภาคเสด็จลุกขึ้นจงกรมอยู่    ณ    ที่แจ้งได้ทอดพระเนตรเห็นยสกุลบุตรเดินมาแต่ไกล    ครั้นเห็นแล้ว    จึงเสด็จลงจากที่จงกรมประทับนั่งบนอาสนะที่เขาจัดไว้    ขณะนั้น    ยสกุลบุตรได้เปล่งอุทานขึ้น ณ  ที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาคว่า "ท่านผู้เจริญ ที่นี่วุ่นวายหนอ  ท่านผู้เจริญ    ที่นี่ขัดข้องหนอ"

            พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับยสกุลบุตรนั้นดังนี้ว่า    "ยสะ ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง  มาเถิด  ยสะ    จงนั่งลง  เราจักแสดงธรรมแก่เธอ"

          ลำดับนั้น    ยสกุลบุตรร่าเริงเบิกบานใจว่า    "ได้ยินว่า    ที่นี่ไม่วุ่นวาย    ที่นี่ไม่ขัดข้อง"จึงถอดรองเท้าทองเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ  ครั้นถึงแล้วได้ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง  ณ ที่สมควร    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสอนุปุพพิกถา    คือทรงประกาศ
                  ๑.    ทานกถา    (เรื่องทาน)
                  ๒.    สีลกถา    (เรื่องศีล)
                  ๓.    สัคคกถา    (เรื่องสวรรค์)
                  ๔.    กามาทีนวกถา    (เรื่องโทษ    ความต่ำทราม    ความเศร้าหมองแห่งกาม)๒
                  ๕.    เนกขัมมานิสังสกถา    (เรื่องอานิสงส์แห่งการออกจากกาม)    แก่ยสกุลบุตรผู้นั่งอยู่    ณ    ที่สมควร
  เมื่อทรงทราบว่า    ยสกุลบุตรมีจิตควร    อ่อน    ปราศจากนิวรณ์    เบิกบานผ่องใส 

    จึงทรงประกาศสามุกกังสิกธรรมเทศนา  ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย    คือทุกข์    สมุทัย    นิโรธ    มรรค 

    ธรรมจักษุอันปราศจากธุลีปราศจากมลทิน  ได้เกิดแก่ยสกุลบุตร  ณ  อาสนะนั้นแลว่า  "สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา  สิ่งนั้นทั้งปวงมีความดับไปเป็นธรรมดา"    เปรียบเหมือนผ้าขาวสะอาดปราศจากมลทินควรรับน้ำย้อมได้เป็นอย่างดี