สิ่งที่เป็นทิพย์ มีประโยชน์ และเอื้อกับ วิญญาณ โดยตรง

เริ่มโดย kai, ก.ย 01, 2024, 09:40 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

kai

สิ่งที่เป็นทิพย์ มีประโยชน์ และเอื้อกับ วิญญาณ โดยตรง

สิ่งที่เป็นทิพย์ มี 3 สภาวะ
1.สภาวะที่ดีงาม ชื่อว่า ทิพย์กุศล หรือ กุศลทิพย์
2.สภาวะที่เลวทราม ชื่อว่า ทิพย์อกุศล หรือ อกุศลทิพย์
3.สภาวะที่เป็นกลาง ชื่อว่า ทิพย์อัพยากตา หรือ อัพยากตาทิพย์

ดังนั้น สภาวะทิพย์ 3 อย่างนี้
มีผลทำให้วิญญาณ บริสุทธิ์ และสกปรกไปตามสภาวะ

คนเป็นก็มีวิญญาณ
คนตายก็เคลื่อนจากกายเป็นวิญญาณ

ความเป็นทิพย์ติดตัวคนเป็นและคนตายทุกเวลา
ไม่มีสภาวะไหนที่ ความเป็นทิพย์จะไม่อยู่ด้วย

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นหรือตาย สภาวะทิพย์ เหล่านี้
ก็จะติดตัว วิญญาณ ไปตลอดนั่นเอง

สภาวะที่บริสุทธิ์ ย่อมทำให้สู่ สุคติ
มีปลายทางการเกิดใหม่ที่ดี

สภาวะที่ไม่บริสุทธิ์ สกปรกเลวทราม
ย่อมทำให้ไปสู่ ทุคติ
มีปลายทางการเกิดใหม่ที่ขาดตกบกพร่อง

สภาวะที่เป็นกลางนั้น ไมีมีผลอะไร
มีค่าเท่ากับ 0 คือไม่ได้ทำอะไร
ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ไม่ได้เพิ่มอะไร

ดังนั้น เมื่อคนเราทำกุศล สภาวะความบริสุทธิ์
ก็เข้าไปติดกับวิญญาณ ทำให้วิญญาณบริสุทธิ

กุศล เกิดการจากการรักษาศีล ที่มีเจตนา และไม่เจตนา แรงกระทำก็ต่างกันไป ตามเจตนา พระพุทธเจ้าตรัสว่า เจตนาเป็นตัว

กรรม ดังนั้นถ้ามีศีลด้วยเจตนา ย่อมมีผลสภาวะบริสุทธิ์มาก

สมาธิ จัดเป็นกุศล แต่ สภาวะที่เป็นสมาธิ ท่านกล่าวว่า สภาวะกุศลสมาธิ เป็นตัวคูณ หมายถึง ถ้าทำกุศลในสภาวะสมาธิ ผลนั้นจะมีตัวคูณ ซึ่งตัวคูณไม่มีสภาวะแน่นอนเกิดจากสภาวะที่เป็นสมาธินั้น มากหรือน้อย ไม่เป็นสูตรตายตัวแต่ยิ่งมีสมาธิที่ละเอียดมาก ตัวคูณก็มากไปตาม
เช่นการแผ่เมตตา ไม่ได้กระทำในสมาธิ มีอำนาจการแผ่ได้แค่ 1 ศอกรอบตัวดังนั้นคนที่ไม่ได้ทำสมาธิแล้วแผ่นเมตตา การแผ่เมตตาได้เฉพาะตนเท่านั้น


แต่ถ้าประกอบด้วยสมาธิ เป็นขณิกะสมาธิ
ท่านกล่าวว่า ขณิกะสมาธิ แผ่รอบตัวออกไปประมาณ 10 ศอก

แต่ถ้าประกอบด้วยสมาธิ เป็นอุปจาระสมาธิ
ท่านกล่าวว่า อุปจาระสมาธิ แผ่รอบตัวออกไป 16 - 200 โยชน์

แต่ถ้าประกอบด้วยสมาธิ เป็นอัปปนาสมาธิ
ท่านกล่าวว่า อัปปนาสมาธิ แผ่ไปได้ทั่วโลก
และไปได้ทั่วจักรวาล และ อนันตจักรวาล


ดังนั้นสภาวะความเป็นทิพย์
จึงมีความจำเป็นต่อ วิญญาณ ของมนุษย์


เจริญธรรม /เจริญพร
7 ตุลาคม 2564·