ต้องการให้ พอจ. แสดงการภาวนาระดับสูงที่ลูกศิษย์ ควรไปให้ถึง

เริ่มโดย kai, ก.ย 01, 2024, 09:24 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

kai

ถาม ต้องการให้ พอจ. แสดงการภาวนาระดับสูงที่ลูกศิษย์
ควรไปให้ถึง คือ อะไรในเป้าหมายวิชากรรมฐาน ครับ


ตอบ ตามนี้นะ ( แต่อธิบายอย่างนี้ ก็ไม่คิดว่าจะมีใครเข้าใจ นะ )

การเข้าปฏิจจสมุปบาท หลายสำนัก อธิบายผิดเกือบหมด
เพราะว่า ใช้ สังขาร เป็นตัวเข้าไป ธัมมวิจยะ
ฉันได้ยินวิธีการนี้ มาตั้งแต่เล็กท่องจำได้ตั้งแต่เป็นสามเณร
แต่เวลาที่เข้าจริง ๆ ใน องค์แห่ง อัปปนาจิต นั้น
มันว่างจาก สังขตะ ต้องอาศัย รูปนิมิตและอรูปนิมิต
เป็นตัวเข้ากระแสไป ไม่ใช่ไปอาศัยความคิด สังขารปรุงแต่งว่ารู้
อวิชชา เป็นเหตุให้เกิด สังขาร

ดังนั้น การเข้าปฏิจจสมุปบาท นั้น
จึงต้องว่างจาก สังขตะ ( การปรุงแต่ง )

ส่วนใหญ่พวกแนวปํญญา ใช้การอธิบาย ให้จิต ฟัง
เพื่อให้ละกิเลส แต่ทำไปเป็นสิบ ๆ ครั้ง
มันเป็นแค่ ความเข้าใจ และ ข่มกิเลสเท่านั้น
อนุสัย จริง ๆ ไม่สามารถดับได้
เป็นเพียง แค่ วิกขัมภนวิมุตติ
( ดับกิเลสด้วยการข่มด้วยความเห็น )

ส่วนในองค์แห่งสมาธิ ที่ปราศจากนิวรณ์
ที่ไม่รู้วิธีการ เข้า ปฏิจจสมุปบบาท เลย
ก็เป็นแค่ ตทังควิมุมตติ ( ดับกิเลสชั่วคราว )

หลักการในมูลกรรมฐาน กัจจายนะ นั้น
อธิบายไว้เป็นแม่บท ซึ่งก็อยู่ ส่วนพระอภิธรรมเป็นอยู่แล้ว

การเข้าปฏิจจสมุปบาท เข้าตามอภิธรรม ทั้ง 7 บท
บทสุดท้าย เป็นบทดับกิเลส พระมหาปัฏฐาน
( เหตุปัจจะโย ) และดับ อย่างสิ้นเชิง
อันนี้ไม่นับเป็นขั้นตอน แต่นับเป็น รอบที่ 4 คือ เสวยผลสมาบัติ

ธัมมะสังคิณี + วิภังโค
เป็นการเข้ารอบแรก เรียกว่า อนุโลม

ธาตุกถา + ปุคคละปัญญัติ
เป็นการเข้ารอบ ที่สอง เรียกว่า ปฏิโลม

กถาวัตถุ + ยมก
เป็นการเข้ารอบที่ สาม เรียกว่า นิโรธะ

ส่วนมหาปัฏฐาน บทสุดท้าย เป็นการเข้าวิมุตติ จากบททั้ง 6
รอบที่ 4 ก็คือ ผลสมาบัติ

รอบนี้เป็นบทสำคัญ ที่สุด จะทำให้เข้าใจ
อิทัปปัจจยตา จริง ๆ อยู่ตรงนี้


พระพุทธเจ้า ใช้ เวลา 49 วัน
ด้วยการใช้รอบที่ 4 เป็นตัวพิจารณาผลสมาบัติ


ผู้เข้าปฏิจจสมุปบาท ได้ 4 รอบ อย่างนี้
จึงจะสมควร แก่ วิมุตติ
( อธิบายตามแนวทาง มูลกรรมฐาน กัจจายนะ )


5 ตุลาคม 2564