วิธีการบรรลุโอกาส ๓ ประการ อันสมควรแก่การเจริญธรรม

เริ่มโดย kai, ส.ค 02, 2024, 10:36 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

kai

วิธีการบรรลุโอกาส ๓ ประการ อันสมควรแก่การเจริญธรรม

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค 
[๕.ชนวนสภสูตร]
วิธีการบรรลุโอกาส  ๓  ประการ
เล่มที่ 10 หน้า 220 - 222


วิธีการบรรลุโอกาส ๓ ประการ อะไรบ้าง คือ
  ๑.บุคคลบางคนในโลกนี้ยังเกี่ยวข้องด้วยกาม   
เกี่ยวข้องด้วยอกุศลธรรมอยู่   
ต่อมาเขาฟังธรรมของพระอริยะ   
มนสิการโดยแยบคาย   
ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม   
เขาอาศัยการฟังธรรมของพระอริยะ   
อาศัยการมนสิการโดยแยบคาย   
อาศัยการปฏิบัติ  ธรรมสมควรแก่ธรรม   
ไม่เกี่ยวข้องด้วยกาม   
ไม่เกี่ยวข้องด้วยอกุศลธรรม   
สุขย่อมเกิดขึ้น   
โสมนัสยิ่งกว่าสุขย่อมเกิดขึ้น
แก่เขาผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยกาม   
ไม่เกี่ยวข้องด้วยอกุศลธรรม 

ท่านผู้เจริญ ความปราโมทย์   
เกิดจากความเบิกบานใจ   
แม้ฉันใดสุขย่อมเกิดขึ้น   
โสมนัสยิ่งกว่าสุขย่อมเกิดขึ้น   
(จากความบันเทิงใจ)แก่เขาผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยกาม   
ไม่เกี่ยวข้องด้วยอกุศลธรรมอยู่ฉันนั้น   
พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้ทรงเห็น   
เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น   
ทรงรู้วิธีการบรรลุโอกาสที่ ๑ นี้
เพื่อให้ถึงความสุข

  ๒.บุคคลบางคนในโลกนี้มีกายสังขารอย่างหยาบ
ยังไม่สงบระงับมีวจีสังขารอย่างหยาบ ยังไม่สงบระงับ   
มีจิตตสังขารอย่างหยาบ   
ยังไม่สงบระงับ   
        ต่อมา  เขาฟังธรรมของพระอริยะ
มนสิการโดยแยบคาย   
ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม   
เขาอาศัยการฟังธรรมของพระอริยะ   
อาศัยการมนสิการโดยแยบคาย
อาศัยการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม   
กายสังขารอย่างหยาบย่อมสงบระงับ   
วจีสังขารอย่างหยาบย่อมสงบระงับ   
จิตตสังขารอย่างหยาบย่อมสงบระงับ   
เพราะกายสังขารอย่างหยาบสงบระงับ   
วจีสังขารอย่างหยาบย่อมสงบระงับ   
จิตตสังขารอย่าง หยาบย่อมสงบระงับ   
สุขย่อมเกิดขึ้น   
โสมนัสยิ่งกว่าสุขย่อมเกิดขึ้นแก่เขา   

ท่านผู้เจริญ  ความปราโมทย์เกิดจากความ
เบิกบานใจ   แม้ฉันใด   

       ท่านผู้เจริญ   เพราะกายสังขารอย่างหยาบ
สงบระงับ  เพราะวจีสังขารอย่างหยาบสงบระงับ   
เพราะจิตตสังขารอย่างหยาบสงบระงับ   
สุขย่อมเกิดขึ้น  โสมนัสยิ่งกว่าสุข ย่อมเกิดขึ้น ฉันนั้น   

พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้ทรงเห็น 
เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น   
ทรงรู้วิธีการบรรลุโอกาสที่  ๒ นี้   
เพื่อให้ถึงความสุข

 ๓.บุคคลบางคนในโลกนี้   

   ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า   'นี้เป็นกุศล'
   ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า 'นี้เป็นอกุศล'   
   ไม่รู้ชัดตามความ เป็นจริงว่า    'นี้เป็นสิ่งมีโทษ'   
   ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า 'นี้เป็นสิ่งไม่มีโทษ'   
   ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า    'นี้เป็นสิ่งควรเสพ'   
   ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า    'นี้เป็นสิ่งไม่ควรเสพ'
   ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า    'นี้เป็นสิ่งเลว'   
   ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า    'นี้เป็นสิ่งประณีต'   
   ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า 'นี้เป็นสิ่งดำ   
   สิ่งขาว และสิ่งมีส่วนเปรียบ'   

     ต่อมาเขาฟังธรรม ของพระอริยะ
   มนสิการโดยแยบคาย
   ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
   เขาอาศัยการฟังธรรมของพระอริยะ   
   อาศัยการมนสิการโดยแยบคาย   
   อาศัยการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

    ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า    'นี้เป็นกุศล'   
    ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า    'นี้เป็นอกุศล'   
    ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า    'นี้เป็นสิ่งมีโทษ'   
    ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า    'นี้เป็นสิ่งไม่มีโทษ'   
    ย่อม รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า   'นี้เป็นสิ่งควรเสพ'   
    ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า    'นี้เป็นสิ่งไม่ควรเสพ'   
    ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า    'นี้เป็นสิ่งเลว'   
    ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า    'นี้เป็นสิ่ง ประณีต'   
    ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า    'นี้เป็นสิ่งดำ   
    สิ่งขาว และสิ่งมีส่วนเปรียบ'   

     เมื่อเขารู้เห็นอย่างนี้   
     ย่อมละอวิชชาได้วิชชาย่อมเกิดขึ้น
   
     เพราะอวิชชาดับลง   
     เพราะวิชชาเกิดขึ้น   
     สุขย่อมเกิดขึ้น   
     โสมนัสยิ่งกว่าสุขย่อมเกิดขึ้น

     ท่านผู้เจริญ ความปราโมทย์เกิดจากความเบิกบานใจ   
แม้ฉันใด   
             
     เพราะอวิชชาดับลง เพราะวิชชาเกิดขึ้น   
     สุขย่อมเกิดขึ้น    โสมนัส   
     ยิ่งกว่าสุขย่อมเกิดขึ้น ฉันนั้นเหมือนกัน   

     พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้ทรงเห็น   
     เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น   
     ทรงรู้วิธีการบรรลุโอกาสที่ ๓ นี้   
     เพื่อให้ถึงความสุข

     19 กุมภาพันธ์ 2555