พุทธานุสสติ ที่สอนกันช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ ที่สืบทอดกันมาแต่ มูลกรรมฐาน

เริ่มโดย kai, ส.ค 27, 2023, 07:23 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

kai

พุทธานุสสติ ที่สอนกันช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ ที่สืบทอดกันมาแต่ มูลกรรมฐาน
มีหลายฉบับ นี่เป็นฉบับหนึ่ง ทีคัดมาจาก ใบลาน วัดสมอราย ( ราชาธิวาส )


ปัจจุบัน หนังสือฉบับนี้เหลือเพียงฉบับ เดียวที่ หอสมุดแห่งชาติ จับไม่ดีหนังสือขาดเลยนะ
เอามาให้ดูเทียบกับใบลาน และวิธีการปฏิบัติที่ สืบกันมาแต่โบราณ

เจริญธรรม / เจริญพร
6 มกราคม 2020
.............
ถาม มูลกรรมฐานที่ท่านเอามาแสดง ตอนนี้ เอามาจากไหน ?
ตอบ มาจากหลักสูตร เปรียญเอก สมัยก่อน มีฉบับใบลาน และ ฉบับหนังสือ ที่เก่ามาก ๆ ส่วนนี้ไม่ได้ลึกลับอะไร ที่มันลึกลับ ก็คือ ส่วน มุขปาฐะ คือ อรรถาธิบาย ที่บอกที่ไปที่มา ของ ระบบกรรมฐาน มูลกรรมฐาน เดิม ( กัจจายนะ ) เท่านั้นที่ลึกลับ เพราะว่า ต้องสอบผ่านถึงจะได้รับ มุขปาฐะ เพิ่มขึ้น
เช่นการเข้าปฏิจสมุปบาท ด้วย สมาธินิมิต ซึ่งในนั้นใช้ สมมุติบัญญัติไม่ได้ ต้องจิตปรมัตถ์ ดำเนินจิตเรียนรู้ ใน สภาวะปรมัตถ์ อย่างนี้เป็น มุขปาฐะ ที่จัดว่า ลึกลับ
และส่วนหนึ่งเกิดจากการสอนของครูอาจารย์
ที่มันเสียเวลาวุ่นวายในการสอน ก็คือเรื่องการอ้างอิง สอนครั้งหนึ่งต้องวุ่นวายไป อ้างอิงจากพระไตรปิฏก มาให้ดังนั้น มันจึงน่ารำคาญมาก ทำให้การสอนลำบากมากขึ้น เวลาคนที่ไม่เคารพทะลุกลางปล้องขึ้นมาว่า อยู่ในส่วนไหนพระไตรปิฏก ถึงแม้บอกบาลีไป มันก็ต้องบอกหน้า บอกเล่มอีก ทำให้เสียเวลาอันนี้ ศิษย์แบบนี้จะไม่รับเลย ให้ไปฉลาดที่อื่น มันทำให้เป็นภาระในการสอนมากขึ้น ในแบบ มุขปาฐะ ดังนั้นครูอาจารย์ ควรแค่บอกแม่บท แล้ว ก็ปฏิบัติตาม ไม่ควรวินิจฉัย เรื่อง เชื่อ ไม่เชื่อ ถ้าไม่เชื่อก็ไม่ควรมาเป็นศิษย์ ควรเป็นแบบนั้น ( มือไม่พาย แล้วยังเอาตีนราน้ำ )

เจริญธรรม / เจริญพร
5 มกราคม 2019

( ที่นำมาสอน แสดงอยู่ตอนนี้ มันมีแบบแผน มาแต่โบราณกาล สืบทอดกันมาด้วย ตำรา คัมภีร์ ถ่ายทอด ด้วยระบบผู้สืบทอด ตามสายกรรมฐาน อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าที่มันสูญหายในปัจจุบันนั้นเป็น เพราะว่า ผู้สอนต้องยึดหลักพระวินัย ไม่สอนให้กับคนที่ไม่ศรัทธา และ ไม่ได้เป็นศิษย์ มันจึงสูญหาย และการเป็นศิษย์สายนี้ไม่ได้เป็นง่าย ๆ ต้องผ่านการสอบ ไม่ใช่เดินมาถึงขอขึ้นกรรมฐาน แล้วมันจะได้เรียน ต้องถูกสอบ และทำภาระกิจด้วย ถึงจะเป็นได้ สมัยปัจจุบันนี้ ขาดคนจริง คนปฏิบัติ มีแต่ฉาบฉวย ไร้ความเคารพในครูอาจารย์จริง ดังนั้นเมื่อเป็นอย่างนี้ ครูอาจารย์ก็จะปลงความคิดว่า ให้เป็นไปตามบุญตามกรรม ตามวาสนาบารมีของแต่ละคน )