กรรมฐาน สายอริยะ

เริ่มโดย kai, ต.ค 16, 2024, 10:53 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

kai

กรรมฐาน สายอริยะ
แม่บทย่อย - สตฺตโพชฌงฺคา วิมุตติยา มคุคปฏิปทา วิปัสสนาติ
สตฺตโพชฌงฺ ฺคา ปริปูรา วิชฺชาวิมุตฺตึ ปริปูเรนฺติ
เอวเมติสฺสา วิชฺชาวิมุตฺติยา.........สตฺต โพชฺฌงฺเค ปริปูเรนฺติ สตฺตโพชฺฌงฺคาปริปูรา วิชฺชาวิมุตฺตึ ปริปูเรนฺติ เอวเมติสฺสา วิชฺชาวิมุตฺติยา อาหาโรโหติ เอวญฺจ ปาริปูรีติ
คำแปล - โพชฌงค์ ๗ ประการ เป็นวิมุตติ เป็นทางดำเนิน ที่สุดวิปัสสนา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าววิชชาและวิมุตติว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของวิชชาและวิมุตติ ควรกล่าวว่า โพชฌงค์ ๗................แม้ที่สุด โพชฌงค์ ๗ ก็เกิดจากครูอาจารย์ ประสิทธิ์ วิชชา วิมุตติ ให้นั่นเอง


คำอธิบาย

ด้วยเหตุนี้เวลาสอน ผลสมาบัติ การดำเนินปฏิปทามรรคสมังคี
ทางด้านกัจจายนะ จะสอน วิชาเดินจิต โพชฌงค์ ๗ เป็นหลัก จนเกิดรูปแบบ ที่เรียกว่า มรรคปฏิปทาโลกุตตร หรือ ในชื่อวิชาว่า โลกุดรสยบมาร ( เป็นคำแปล ) ซึ่งในการเดินจิตด้วยวิชานี้ ใช้หลักการตามผังดาวไถ ซึ่งมี ๗ ดวง อันชี้ไปที่ ดาวเหนือ ๑ ดวง ซึ่งหลักการ ผังดาวไถตรงตามฐาน จิต ในรูปแบบฐาน แห่งสมาธิ จนไปสู่ ภูมิปัญญา
ดังนั้นการเดินจิตตามหลักวิชานี้ ชือว่าเจริญวิปัสสนา ตรง ๆ และ เป็นการเดินจิตเข้า ผลสมาบัติ ของพระอริยะ ทุกระดับ แต่วิชานี้ สำหรับ ปุถุชน นั้นเรียกว่า ทางลัด เพราะมีข้อปฏิบัติที่ต้องอาศัยธรรม ที่ชื่อว่า ศรัทธา และ ปีติ เป็นจุดเริ่มต้น ดังนั้นในตัวหลักวิชชาเริ่มจาก
การตั้งสติสัมปชัญญะ ในการดูลมหายใจเข้าออก (อานาปานสติ ) และ ใช้อริยาบถ 18 ท่า จบแล้วจึงขึ้น ผลคือ ธรรมะวิจิตรา ( ธัมมะวิจยะ ) ต่อดังนั้นขั้นตอนสำคัญจึงอยู่ ที่การเดินจิตครั้งแรก จากนั้นก็จะไหลลื่นไปตามอริยะมรรคเอง
มรรคปฏิปททาโลกุตรัง
( เส้นทางปฏิบัติ สู่ความเหนือโลก)
ตั้งฐานหนึ่ง สติมา เข้ากำหนด
ให้จับจด ระลึกตาม อย่าหน่ายหนี
พร้อมระลึก บริกรรม ฐานแรกดี
นิมิตคู่ ภาพปรากฏ ลำดับธรรม
ตั้งนิมิต คู่ทั้งสอง ฐานจิตสอง
เข้าทำนอง บริกรรม ไม่ขาดสาย
ธรรมสังเวช ปรากฏชัด นามกาย
จิตก็คลาย คล้อยเคลื่อน ห่างโลกธรรม
ตั้งฐานสาม พากเพียร รักษาไว้
ให้รับใช้ ความหน่าย มาเป็นศรี
เห็นรู้แจ้ง นามเกิดดับ ชัดเข้าที
จิตตามดี พอกพูนองค์ ความอิ่มใจ
ตั้งฐานสี่ อิ่มเอม ด้วยความสุข
เป็นประมุข ยินดียิ่ง มิ่งทั่วฐาน
สุขที่เกิด ทุกข์ที่ดับ ด้วยเชี่ยวชาญ
เป็นเหมือนปาน ประหนึ่ง ขนนกลอย
ตั้งฐานห้า วางลงสุข ทุกข์ทั้งหมด
ให้กำหนด ปล่อยวาง ธรรมทั้งหลาย
ไม่ยึดถือ หมายมั่น เป็นหญิงชาย
ไร้ความหมาย แห่งความ เป็นตัวตน
ขึ้นฐานหก กำหนดแก้ว คือความว่าง
แสงสว่าง เรืองรอง ผุดผ่องใส
วิชชาแจ้ง หยั่งลงสู่ จิตภายใน
วิมุตติใส ตั้งมั่นอยู่ ฌานปัญญา
เข้าฐานเจ็ด รู้แจ้ง ทิพย์จักษุ
จิตบรรลุ สุญญตา มหาวิหาร
จิตกำหนด รู้ปล่อยละ ตัดเหตุกาม
จิตรู้นาม ว่าเป็น "ฌานโลกุตระ" เอย
โปรดทบทวน วิชา โพชฌงค์ 7 ให้คล่องแคล่ว
4 เมษายน 2565