การปฏิบัติสมาธิ ถ้าทำตามลำดับที่ พระพุทธเจ้า สอนพอไหม คือไม่ต้องรู้ลึกซึ้ง

เริ่มโดย kai, ต.ค 15, 2024, 10:46 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

kai

ถาม การปฏิบัติสมาธิ ถ้าทำตามลำดับที่ พระพุทธเจ้า สอนพอไหม คือไม่ต้องรู้ลึกซึ้ง เป็นขั้นตอน

ตอบ ก็สามารถทำได้นะ ถ้าเข้าใจ
ยกตัวอย่าง อานาปานสติ พระพุทธเจ้าตรัสสอนบ่อย ว่าโดยลำดับดังนี้

1. หาเรือนป่า เรือนว่าง ที่สงัด
2. นั่งคู้บัลลังก์(ขัดสมาธิเพชร ) ตั้งกายตรง ดำรงสติให้มั่นเฉพาะหน้า
3. กำหนดสติลงไปที่ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก
4. เริ่มขั้นตอน หายใจเข้าสั้น หายใจออกสั้นกำหนดรู้
5. เปลี่ยนขั้นตอน หายใจเขายาว หายใจออกยาว กำหนดรู้
6. เปลี่ยนขั้นตอน หายใจเข้า หายใจออก ก็กำหนดรู้ระยของลมหายใจเข้า หายใจออกทั้งปวง เริ่มตั้งแต่ ปลายจมูก ขึ้นสมอง ลงโพรงคอ ไหลเข้าปอด บางส่วนลงไปท้อง แล้วไหลย้อนกลับ พร้อมกัน สองสาย จากท้อง และ ปอด ไหลย้อนกลับมาที่โพรงคอ ไหลขึ้นไปที่สมอง ออกมาทางปลายจมูก รู้อย่างนี้เรียกว่า รู้  กาย ( ลมหายใจ ) ทั้งปวง
7. เปลี่ยนขั้นตอน ระงับการรู้กายทั้งปวง กำหนดให้จิตรู้ในเส้นทางลม ตรงส่วนใดส่วนหนึ่ง แล้วทำกายให้สงบ หยุดเคลื่อนไหว ปล่อยให้มีแต่ความนิ่ง ๆๆๆ มากที่สุด ด้วยอำนาจสมาธิ นี้ชื่อว่า ทำกายสังขาร ( ปรุงแต่งกาย ) ให้สงบระงับลง แล้วหายใจเข้า แล้วหายใจออก
ทำถึงตรงนี้ ก็เป็นการเริ่ม กายานุปสสนา
เมื่อเข่้ากายานุสสนา ก็น้อมจิตไปใน กาย ( ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก)
ตั้งสติกำหนดลม เป็น อานาปานบรรพะ
ตั้งสติรู้ไปในลมอันเป็นความสงบเบื้องต้น เป็นสัมปชัญญะบรรพ
ตั้งสติรู้ไปในอาการที่นิ่ง ( ตุณหี ) เป็นส่วนหนึ่งของสมาธิ ชื่อว่า อิริยาปถบรรพ
ตั้งสติรู้ไปในในนิมิตเฉพาะหน้าอันเกิดในอารมณ์ หรือ รู้สึกชัดขึ้นในอารมณ์ ว่า กาย ( ลมหายใจเขา ลมหายใจออก ) มีองค์ประกอบ มาจาก เกสา โลมา นขา ทันนตา ตโจ เรื่อยไป
พอกำหนดตรงนี้ได้แล้ว จิตก็จะไต่เข้าไปเป็นวิปัสสนา จนจบกระบวนการ ของกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ที่แสดงมานี้ เป็นคำพระพุทธวจนะโดยตรงที่ต้องเข้าใจ ดังนั้นคำพุทธวจนะโดยตรงนั้น หากไม่มีคำอธิบาย ท่านทั้งหลายก็จะไม่เข้าใจ ต้องตั้งคำถามขึ้นมาแล้วใครจะตอบ

เอาแค่ข้อสอง พระพุทธเจ้าบอกว่า นั่งคู้บัลลังก์ แล้วคนอ้วน ๆ นั่งคู้บัลลังก์ไม่ได้ คนไม่มีขา จะนั่งคู้บัลลังก์อย่างไรแล้วถ้านั่งคู้บัลลังก์ไม่ได้ ก็หมายความว่าทำไม่ได้ใช่ไหม เห็นหรือยัง ถ้าเราเอาแต่ฟังว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างนี้ แล้วไม่สนใจคำอธิบายของครูอาจารย์ ท่านทั้งหลายจะไปถามใคร พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว

ถ้านั่งคู้บัลลังก์ได้แล้ว มือวางอย่างไรต้องจีบนิ้วไหม ต้องวางมือวางนิ้วอย่างไร แหมเห็นไหม มันมีปัญหานะ เพราะไม่มีคำอธิบายไว้ จะแก้อย่างไร ตัดมือทิ้ง ตัดแขนทิ้งหรือ หรือ อย่างไรเห็นไหม ว่า เราเอาแต่คำว่า พุทธวจนะ อย่างเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยคำอธิบายด้วย

อย่างขั้นตอนที่ 3 ของอานาปานสติ พระพุทธเจ้าตรัสว่ารู้กายทังปวง ถ้ารู้กายทั้งปวง คำว่า กาย ถ้าไม่นิยาม ว่า กาย คือ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก คำว่า รู้กายทั้งปวง ก็ต้องไปรู้อาการ 32 เลยใช่ไหม รู้ผม รู้ขน รู้เล็บ รู้ฟัง อย่างนี้ใช่ไหม เพราะไม่มีคำอธิบาย นี่ก็ต้องอาศัยครูอาจารย์

ดังนั้นขั้นตอนวิธีการปฏิบัติ พระพุทธเจ้าจะไม่ได้ตรัสสอนถึงวิธีการ แต่พระพุทธเจ้า จะตรัสไว้เป็นหัวข้อ แล้ว ให้ผู้สอนไปอธิบายต่อนั่นเอง ตรัสคำพูดหยุมหยิม หรือกระจายที่ไม่จำเป็น

พระพุทธเจ้า ยินดี ที่ภิกษุย่อมธรรมความรู้ได้ และ ขยายธรรมความรู้ได้ ดังนั้นย่อสั้นได้ พระพุทธเจ้าก็ยินดี ขยายให้ธรรมพิศดาร พระพุทธเจ้าก็ยินดี ดังนั้น อธิบายสั้นย่อ เป็นเรื่องที่พระสาวก สามารถกระทำได้ การสอนเป็นหน้าที่ของสาวกอยู่แล้่ว

เจริญธรรม / เจริญพร
14 มีนาคม 2565