แม่บท อธิบายคำว่า กาย และ จิต

เริ่มโดย kai, ก.ย 24, 2024, 10:54 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

kai

ขันธ์ 5 ในมูลกรรมฐาน ท่านแบ่งไว้เป็น 3 ส่วน
แม่บท อธิบายคำว่า กาย และ จิต
===========================

  [๕๕] กายปัสสัทธิ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
    การสงบ การสงบระงับ กิริยาที่สงบระงับ ความสงบระงับแห่งเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์
    ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า กายปัสสัทธิ มีในสมัยนั้น.
    [๕๖] จิตตปัสสัทธิ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
    การสงบ การสงบระงับ กิริยาที่สงบ กิริยาที่สงบระงับ ความสงบระงับแห่งวิญญาณขันธ์
    ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า จิตตปัสสัทธิ มีในสมัยนั้น.
-----------------------------------------------------

ในมูลกรรมฐานท่านแยกขันธ์ 5 ออกเป็นสามส่วน
1. รูปขันธ์  คือ รูปขันธ์ อันประกอบด้วย ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม
2. กายขันธ์ ประกอบด้วย เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์
3. จิตขันธ์ คือ วิญญาณขันธ์

ในภาษากรรมฐาน ท่านกล่าวว่า อุปาทายรูป มี 28 ประการ
มหาภูตรูป มี 4 คือ ดิน ไฟ น้ำ ลม เป็นรูปขันธ์
อุปาทายรูป มี 24( 5 +4 +2 +1+1 +1 +1 +2+3+4 )
ปสาทรูป 5 คือ จักขุปสาทรูป โสตปสาทรูป ฆานปสาทรูป ชิวหาปสาทรูป กายปสาทรูป  เป็นกายขันธ์
วิสยรูป 4  รูปารมณ์ สัทธารมณ์ คันธารมณ์ รสารมณ์ เป็น กายขันธ์
ภาวรูป 2 อิตถีภาวรูป ปุริสภาวรูป เป็น กายขันธ์
ชีวิตรูป 1 เป็นรูปขันธ์
หทยวัตถุรูป 1 เป็น จิตขันธ์
วิญญัติรูป 2 =กายวิญญัติ และ วจีวิญญัติ เป็น กายขันธ์
ปริเฉทรูป 1=( อากาสธาตุ) เป็น จิตขันธ์
วิการรูป 3= ลหุตารูป มุทุตารูป กัมมัญญตารูป เป็นกายขันธ์
ลักขณรูป 4= อุปจยรูป สันตติรูป ชราตารูป  อนิจจตารูป เป็นจิตขันธ์
อาหารรูป 1 =(กวกฬิงการาาหาาร)เป็น รูปขันธ์
--------------------------------------------------------
บทตั้งท่องจำ อุปาทายรูป 24 (อุปาทายรูปํ  จตุวีสติวิธํ )
 อุปาทายรูปํ  จตุวีสติวิธํ  จกฺขุ  โสตํ  ฆานํ  ชิวฺหา  กาโย  รูปํ  สทฺโท  คนฺโธ  รโส 
 อิตฺถินฺทฺริยํ  ปุริสินฺทฺริยํ  ชีวิตินฺทฺริยํ หทยวตฺถุ
 กายวิญฺญตฺติ  วจีวิญฺญตฺติ  อากาสธาตุ 
 รูปสฺส  ลหุตา  รูปสฺส มุทุตา  รูปสฺส  กมฺมญตา  รูปสฺส  อุปจโย
 รูปสฺส  สนฺตติ  รูปสฺส ชรตา รูปสฺส อนิจฺจตา กวฬิงฺกาโร อาหาโรติ ฯ
2.อุปาทายรูป มี 24 ประการ
1.จักขุ 2.โสตะ  3.ฆานะ  4.ชิวหา 5.กาโย
6.รูปัง  7.สัทโท 8.คันโธ 9.รโส
10.อิตถินทรีย์ 11.ปุริสินทรีย์ 
12.ชีวิตินทรีย์
13.หทัยวัตถุ
14.กายวิญญัติ 15.วจีวิญญัติ 16.อากาสธาตุ
17.รูปลหุตา 18.รูปมุทุตา 19.รูปปาคุญญตา  20.รูปอุปจยะ
21.รูปสันตติ 22.รูปชรตา 23.รูปอนิจจตา
24.กวกฬิงการาหาร

กาย แบ่งออกเป็น 5  ส่วน

1.กายเนื้อ คือ รูปขันธ์
2.กายหยาบ คือ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก + สติที่รู้กองลมทั้งปวง  + จิตที่สงบ จาก เวทนา สัญญา และสังขาร
3.กายละเอียด คือ จิตที่เป็นสมาธิตั้งแต่ ระดับ อุปจาระสมาธิขั้น หยาบ ถึง ตติยฌาน
4.กายทิพย์ คือ จิตที่เป็นสมาธิมีเอกัคคตารมณ์ และทำสุขสัญญา+ลหุสัญญา มีรูปตามความปรารถนาแห่งจิตที่ตั้งไว้
5.กายอริยะ คือ จิตที่พ้นจากกิเลสแล้วทั้งปวง เข้าสู่กายทิพย์
ไตรลักษณาการ ได้ปรากฏแล้ว
1. กายเนื้อ ย่อม มี อนิจจตา ทุกขัง อนัตตา
2. กายหยาบ ย่อมมี อนิจจตา ทุกขัง อนัตตา
3. กายละเอียด ย่อมมี อนิจจตา ทุกขัง อนัตตา
4. กายทิพย์ ย่อมมี อนัตตา( มีกายที่ไม่แน่นอน ระบุตัวตนได้บ้างไม่ได้ บ้าง)
5. กายอริยะ ย่อมมี สุญญตา( พ้นจากอนัตตา )

คำว่า วิญญาณขันธ์ ย่อมปรากฏโดย 5 ส่วน
1. ไม่ปรากฏด้วยการกำหนด เป็นปุถุชน
2. ปรากฏด้วยการกำหนด เป็นโยคาวจร ที่รู้การเวียนว่าตายเกิดอันเป็นภพ และ สภาวะ
3. ปรากฏด้วยการเห็นตามความเป็นจริง ชัดเจนใน ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
4. ปรากฏด้วยการดับไปตามญาณที่ได้ เป็นอริยะ ที่ยังไม่พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ( โสดาบัน ถึง อนาคามี )
5. ปรากฏด้วยญาณ อันรู้ชัดด้วยการสละคืน พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด เป็นอรหันต์
การปรากฏโดย 5 ส่วน อาศัยธรรม ดังนี้

1. ปุถุชน รู้เพียงตายเแล้วเกิดหากยังไม่เห็นแจ้งตามธรรม ธรรมที่ทำให้ปรากฏ คือ สัมมาทิฏฐิ

2. โยคาวจร รู้เห็นและเบื่อหน่ายต่อสภาวะการเกิดตายขึ้นซ้าซาก เห็นแล้วหน่าย ธรรมที่ปรากฏ คือ สัมมาสังกัปปะ

3. โยคี ผู้บำเพ็ญเพียรย่อมเห็นด้วยญาณชื่อว่า ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ( ระลึกชาต ) ธรรมที่ปรากฏ คือ ยถาภูตญาณทัสสนะอันมีใน สัมมาสมาธิ

4. อริยะโสดาบัน ถึง อนาคามี ย่อมเห็นอุปสมะ(ผลสมาบัติ)ไปตามลำดับแห่งการละสังโยชน์เพราะเห็นความจริงและสละคืนสังโยชน์ทั้ง 5 ลง ธรรมที่ปรากฏ คือ สัมมาสมาธิ ที่ชื่อว่า มรรคสมังคี

5. อรหันต์ ย่อมเห็น มรรค ผล นิพพาน อันละจากอวิชชา และละสังโยชน์ครบ 10 อย่าง ธรรมที่ปรากฏ ชื่อว่า พรหมจรรย์ หรือ วิสุทธิธรรม
ดังนั้นการตามเห็น รู้ข้อความของขันธ์ 5 ย่อมสามารถทำให้ความรู้ความเข้าใจในการทำกายแต่ละกายให้ปรากฏชัดได้ อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

จิตที่รู้เห็นย่อมละ
สิ่งที่ขัดขวางธรรมไปตามลำดับ
ขอให้ท่านทั้งหลายพึงศึกษาข้อความทั้งหมดนี้ให้เข้าใจ


เจริญธรรม / เจริญพร
29 ธันวาคม 2564