"วันนี้ จะพูดเรื่องยาก ๆ สักนิด ใครเข้าใจก็ขออนุโมทนา
ใครไม่เข้าใจ ก็ไม่ต้องคิดให้มาก
ปกติเรามองเวลา นาฬิกา เรามองทั้งหน้าทั้งหมดของนาฬิกา
แต่เวลาใดที่เราจะใช้เวลา เราก็จะมองลงไปที่แกนเข็มหลัก
คือ ชม. ก่อน แล้ว จึงเป็น นาที และ วินาที
การภาวนาก็เช่นกัน เมื่อเราจะภาวนา ก็ต้องมองภาพรวมของ
กาย จิต เจตสิก นิพพาน ทั้งสี่อย่าง
แต่เวลาที่เราภาวนาจริง กับต้องให้ความสำคัญที่
(...1...) และ(..2..) และ (...3..)
ดังนั้นเวลาใดที่เราทำถูกก็จะได้ผลไว และ รู้ผลไว
แต่ทุกครั้งที่มันผิดไม่ได้ผล ก็จะได้ผลว่า ไม่ได้อะไร
เป็นเพราะเราไปจับตัวเร็วเกินไป
จึงไม่เข้าใจ อะไร ๆ ในนั้นเลย แท้ที่จริง
การภาวนาที่มาถึงสมาธิ ก็เพียงเพื่อให้จิตของเรานั้น
อยู่ในสภาวะ ที่ปราดเปรียว (ว่องไว วสี )
บริสุทธิ์ ( สะอาด ปริสุทธิ )
ตั้งมั่น (มั่นคง อุเบกขา )
เมื่อจิตเป็นสมาธิ จริง ๆก็จะเห็น สรรพสภาวะทั้งปวง มันช้าลง
เมื่อเราเห็นอะไร ๆ ช้าลง เราก็จะจับตัวปัญหา
และขจัดปัญหา นั้นออกได้อย่างหมดจด
เริ่มตั้งแต่ นิวรณ์ อุปกิเลส มานานุสัย และ อวิชชานุสัย นั่นเอง
สาธุ ใครเข้าใจ ลำดับ 1 2 3
ก็เห็นว่าพอมีปัญญาบ้างแล้ว ใครยังไม่เข้าใจ
ก็ต้องศึกษาลงไปในกรรมฐาน คือ พระพุทธานุสสติเสียก่อน
เพราะกรรมฐาน ที่สนับสนุน และเป็นกรรมฐาน
ที่พอกพูนกรรมฐาน ให้ว่องไว บริสุทธิ มั่นคง
ก็คือ พระพุทธานุสสติ นั่นเอง
เจริญธรรม / เจริญพร"
27 มิถุนายน 2022 ·
(http://madchimardn.3bbddns.com:12590/kjn2/gallery/1_16_05_25_9_42_08.jpeg)