จิตที่เป็นทุกข์ ย่อมมองเห็น พิจารณาไปในกาย มองเห็นว่า กายนี้ ไม่เที่่ยง เป็นทุกข

เริ่มโดย kai, ส.ค 31, 2023, 09:29 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

kai

จิตที่เป็นทุกข์ ย่อมมองเห็น พิจารณาไปในกาย มองเห็นว่า กายนี้ ไม่เที่่ยง เป็นทุกข์

การมองเห็นว่า กายนี้ไม่เที่่ยง เป็นทุกข์
ก็ต้องมองตามความเป็นจริง มองตามความเป็นจริง
ว่ามันไม่เที่ยง โดยธรรมชาติ ที่มันต้องไม่เที่ยง
ไม่เที่ยงเพราะว่า กายนี้ต้องเจ็บ กายนี้ต้องแก่
กายนี้ต้องตาย อันนี้เป็นธรรมชาติ
เมื่อมองเห็นตามความเป็นจริงต่อไปก็จะเห็นว่า
ไม่เที่ยงเพราะไม่เป็นธรรมชาติ

ที่ไม่เป็นธรรมชาติ เพราะว่า มันมีความยึดถือ ไปในกาย
ไปในเวทนา ไปในจิต ไปในธรรม ว่าทั้งปวงนั้นมีสภาวะทีชื่อว่า
เรา เป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัว เป็นตนของเรา

หากจิตมองเห็นอย่างนี้ จิตก็จะเริ่มฉลาด
แล้วมองเห็นตามความเป็นจริง ของความเป็นจริงว่า
 
โลกนี้ มีแต่ทุกข์ ถ้าเกิดก็ต้องทุกข์
ไม่สามารถหนีจากความทุกข์ไม่ได้ ถ้ายังต้องเกิด
ความปรารถนา ไม่อยากเกิดนี้ เห็นตามนี้ ชื่อว่า นิพพิทา

แต่ นิพพิทา ส่วนใหญ่เมื่อเกิดแล้ว ก็จะดับไป
เพราะไม่ได้ทำวิปัสสนา เนื่องด้วย นิพพิทา ที่เกิดนี้เป็นเพียง
ธรรมสังเวช คือ ความสลดใจ ชั่วครู่หนึ่ง ที่จิตมองเข้าไปเห็นโลก
โดยความเป็นจริง ชั่วระยะหนึ่ง แล้ว นิพพิทา นั้นก็ดับไป

ดังนั้น เมื่อนิพพิทา ท่านกล่าวว่า ( ในมุลกรรมฐาน )
ให้ตั้งจิตไปที่ พุทโธ แล้วบริกรรม พุทโธ จะทำให้จิตสว่างไสว
มองเห็นตามความเป็นจริง ลึกไปยิ่งขึ้น
จนถึง นิพพิทานุปัสสนา อย่างแท้จริง

เมื่อจิตเข้าสู่ นิพพิทานุปัสสนา ท่านกล่าวว่า
จิตนี้กำลังเข้าสู่ โสตาปัตติยังคะ หรือ 
โสดาปัตติมรรค ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ของ อริยชน


ดังนั้นท่านทั้งหลาย การน้อมจิตไป ในพุทโธ
เมื่อมีนิพพิทา เกิดจึงเป็นเรือ่งสมควรมากที่สุด

เจริญธรรม / เจริญพร
19 กันยายน 2019